หากพูดถึง เกมเศรษฐี กับคนวัย 20 ขึ้นไป แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก ที่จริงแล้วเกมเศรษฐีมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Monopoly ซึ่งเป็นต้นฉบับต่างประเทศ ว่าแต่เกมกระดานที่ว่านี้มีความเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ธุรกิจยังไงนั้น จะถูกพูดถึงในย่อหน้าถัดไป

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเกมเศรษฐี หรือ Monopoly กันหน่อย ชื่อเกมนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เนื่องจากมีที่มาจากเศรษฐีชาวอเมริกันที่มีตัวตนอยู่จริง เธอมีชื่อว่า Ellizabeth Magie Phillips และเป็นผู้สร้างเกมขึ้นมาโดยตั้งชื่อว่า The Landlord Game เพื่อจำลองการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รายได้ สร้างความเข้าใจเรื่องภาษี (single tax theory of Henry George) โดยได้จดสิทธิบัตรไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 (พ.ศ. 2447) แต่เกมในตอนนั้นก็เป็นเกมที่เล่นกันวงจำกัด จนกระทั่ง Charles B. Darrow ได้มาลองเล่นที่บ้านเธอแล้วนำไปพัฒนา ก่อนจะขายให้บริษัทพาร์คเกอร์ บราเธอร์ (Parker Brother) ที่พัฒนาต่อเรื่อยมาจนเป็น Monopoly แบบปัจจุบัน

รูปแบบ วิธีการเล่น
เกมเศรษฐีเป็นเกมกระดาน (Board Game) ที่ใช้วิธีการผลัดกันทอดลูกเต๋า 2 ลูก และเดินไปตามช่องนับจำนวนตามที่ทอดเต๋าได้ กรณี ออกเลขคู่ (เลขเหมือนกัน) ก็จะได้ Double หรือคูณสอง โดยส่วนใหญ่จะเล่นได้สู่งสุด 4 คน เริ่มต้นจะมีเงินมาให้จำนวนหนึ่ง และเมื่อเดินครบรอบกระดานก็จะได้รับเงินเดือนเพิ่มทุก ๆ รอบ

ระหว่างการเดินแต่ละช่อง แต่ละรอบของผู้เล่น ก็อาจจะเดินไปตกตามเมืองต่าง ๆ หรือช่องที่เป็นโอกาส (Chance) กับ เปิดหีบ (Community Chest) ทั้งสองก็เป็นเรื่องของการวัดดวง ว่าจะได้เงิน เสียเงิน หรือเจอสถานการณ์อะไร ซึ่งจะรู้ได้จากการเปิดการ์ด (Card) หลังจากเดินไปตกที่ช่องเหล่านี้ ส่วนการเดินไปตกตามเมืองต่าง ๆ กรณีที่ยังไม่มีเจ้าของ ก็สามารถซื้อมาครอบครองได้ ในกรณีที่ตกของคนอื่น ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ขึ้นอยู่กับว่า มีการลงทุนซื้อบ้าน ซื้อโรงแรม อะไรเพิ่มมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายใครมีเงินมากสุดชนะ ใครเงินหมดก็แพ้ไป เกมมีหลักง่ายๆ ประมาณนี้ ที่บางรุ่น บางแบบอาจมีกฎย่อย ๆ ก็ว่ากันไป

กลยุทธ์ธุรกิจ
หลักๆ ของเกมนี้ คือการรู้จักลงทุน การที่ได้ซื้อเมืองไว้มาก โอกาสที่คนอื่นจะเดินมาตก และจ่ายค่าเช่าให้เราก็มีสูงก็เหมือนการมีกิจการใหญ่โตโอกาสสร้างกำไรก็มากขึ้น แต่ด้วยความที่เราเริ่มต้นที่เงินเท่ากัน การกว้านซื้อไว้เป็นจำนวนมาก อาจทำให้ลำบากเวลาไปตกที่คนอื่น เพราะขาดสภาพคล่อง จนต้องจำนองที่ของตนไปแบบขาดทุนเพื่อนำเงินสดมาจ่ายให้คนอื่น และอาจทำให้เราเสียเปรียบได้
หากพิจารณาการทำธุรกิจนั้น ถ้าไม่กล้าลงทุนเหมือน Monopoly (เกมเศรษฐี) นี้ ที่เล่นแบบไม่ลงทุนเลย รอเพียงเงินเดือน ก็จะเดินเพื่อมาจ่ายค่าเช่าให้คนอื่นไปสุดท้ายเงินย่อมหมดและแพ้ไป ซึ่งเปรียบกับคนทำกิจการหากไม่ขยับขยาย มัวแต่ไม่ทำอะไรสุดท้ายคนอื่นก็ครองเกมไว้เสียหมด รอวันถอยหลังไม่ช้าก็เร็ว (ในชีวิตจริงก็อาจไม่ล้มละลายแค่ไม่ก้าวหน้า) ในทางตรงกันข้าม หากบ้าลงทุนโดยไม่คิดให้ดีเสียหน่อยก็อันตราย หากโชคดีบางเกมก็ชนะได้ แต่ไม่เสมอไป และนี่มันก็กลายเป็นเหมือนเพียงเล่นเกมแบบพนันวัดดวง ที่บนธุรกิจจริงไม่มีใครทำ (ซึ่งอาจมีแบบไม่รู้ตัวอยู่เหมือนกัน) เพราะควรต้องดูเงินทุน ดูทรัพย์สิน Cash Flow / Asset ว่าเหมาะสมจะลงทุนหรือยัง ไม่เช่นนั้นแล้ว กว้านซื้อจนเงินหมด เวลาชักหน้าไม่ถึงหลังมันก็จะพังอย่างรวดเร็ว หากเคยเล่นเกมนี้มาพอสมควรคงเข้าใจได้ว่าเป็นอย่างไร (เรื่องกระแสเงินสดนั่นเอง)

กฎของเกมนี้อย่างหนึ่ง หากเป็นเจ้าของเมืองที่ติดกัน (สีเหมือนกัน)ในเกม จะทำให้ได้โบนัสจากค่าเช่าเพิ่มพอควร นี่ทำให้ได้เปรียบมาก ๆ หากคู่แข่งมาตกที่เมืองใดเมืองหนึ่งของเราที่มีโบนัสนี้ เปรียบกับกลยุทธ์ระดับธุรกิจในการเติบโต (Growth Strategy) การเติบโตแบบเกาะกลุ่ม (Concentration) แต่เป็นการเติบโตสิ่งที่ยังเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม ความเสี่ยงน้อยขยายผลได้ง่าย นี่ก็คล้ายกัน หากไม่ลงทุนสะเปะสะปะ รอจังหวะให้ได้เมืองเชื่อมต่อกันนั้น มันก็ทำให้ได้เปรียบสูงจากนั้นจึงค่อยขยับขยายไปในธุรกิจอื่น ๆ บ้าง (Diversification) ก็น่าจะดีกว่า
และด้วยกฎเดียวกันนี้เอง บางทีการซื้อที่ดิน ที่เป็นการขัดขวาง หรือดักคนอื่น ๆ ไม่ให้เขาได้เมืองหรือที่ดินติดๆ กัน ก็เป็นสิ่งจำเป็นคล้ายๆ การปิดกั้นคู่แข่งทางธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงของตนลง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การแข่งขันที่ต้องพิจารณาในเกม ทว่าบางทีมัวแต่กันท่าคู่แข่ง บริษัทของเราเองไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน จึงต้องคิดวางแผนให้ดี ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงมุมหนึ่งที่พึงสังเกตได้จากเกม

โลกแห่งความจริง
ที่จริงแล้วเกมนี้ไม่ซับซ้อน เทคนิคนั้นมีอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการขยายเมืองกระจาย ๆ แล้วทยอยเติมบ้าน โรงแรม หรือการถือครองส่วนใหญ่ (ติดกันเพื่อโบนัส) อะไรก็ตาม ทว่าปัจจัยอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลให้แพ้ชนะและบนโลกความจริงก็ต้องเจอคือ โอกาส และอุปสรรค หรือที่เราเรียกว่าโอกาส สถานการณ์ หรือที่บางคนเรียกว่าโชค ดวง เหมือนการเดินหมาก ไม่รู้ว่าจะเจออะไร อาจต้องไปเปิดการ์ดต่าง ๆ ที่ทำให้ ได้ลาภลอย หรือโชคร้ายมาเยือน แน่นอนว่าธุรกิจจริง ๆ ก็เป็นเช่นนี้ได้ วันดีคืนดี เกิดอุทกภัย ถูกโกง สินค้าเสียหาย หรือจู่ ๆ ก็ได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมาก ล้วนเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือ และดำเนินการต่อไปอย่างไร จะคว้าโอกาส หรือจะรอดจากอุปสรรคไหมนั่นก็อีกเรื่อง…

คนที่เคยเล่นเกมนี้มา จะรู้ดีว่า เกมเศรษฐี ผู้เล่นมีโอกาสทำเงินมาก ๆ ด้วยการเติบโต ไม่โตไม่คิดขยายก็ไม่ได้เป็นเศรษฐี ในขณะเดียวกันก็ควรระวังขยายธุรกิจแบบไม่มีเกินพอดี เพราะอาจเกิดปัญหาที่คาดไม่ถึง ที่มาทำให้เกมพลิกได้ อาทิ การพลาดทางกระแสเงินสด (Cash Flow) เมื่อต้องจ่ายแล้วไม่มี การลงทุนที่ไร้ประโยชน์ก็เช่นกัน ในเกม Monopoly นั้น มันเกิดขึ้นได้ ในเกมยาว แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน อาจจะแค่สักชั่วโมง และเริ่มใหม่ได้ จึงอยากฝากเป็นแง่คิดกลยุทธ์ธุรกิจไว้ และไม่แน่ว่าหลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ คุณอาจเล่นเกมเศรษฐี (Monopoly) ด้วยมุมมองที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…
สุดท้ายนี้ทาง GPBS มีบริการในส่วนของเกมส์กลยุทธทางธุรกิจ ที่ได้รับความนิยมและได้รับเสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยมจากผู้เข้าร่วมอบรม โดยผู้อ่านสามารถเข้ารับชมบริการดังกล่าวได้จาก ลิ้งค์นี้ครับ >> Business Simulation Game หรือหากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อทางเจ้าหน้าที่ของเราได้ครับตลอดเวลาครับ ทาง GPBS พร้อมให้บริการ 🙂 ฝ่ายบริการ 097-297-4295