10 อันดับเทรนด์ ทางด้านเทคโนโลยีในปี 2020

10 อันดับเทรนด์ ทางด้านเทคโนโลยีในปี 2020
Gartner (Gartner, Inc) บริษัทผู้นำทางด้านการวิจัยและด้านการให้คำปรึกษาของโลก ได้วิเคราะห์และออกมาเปิดเผยถึง 10 อันดับเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2020 ในงานว่ามีดังนี้
1. Hyperautomation
https://www.pexels.com/th-th/photo/3913031/
เทคโนโลยีอย่างแรกที่จะเข้ามามีบทบาทในปี 2020 และจะทำให้ เทคโนโลยีดั้งเดิมที่มีอยู่แล้วอย่าง RPA (Robotic Process Automation) ตกยุคไปก็คือ Hyperautomation คือใช้การผสมผสานด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเช่น AI, Machine Learning หรือเครื่องมืออัติโนมัติต่าง ๆ เข้ามาทำงานทุกส่วนทั้ง การ ค้นหาวิธีการใหม่ๆ วิเคราะห์ ออกแบบ คำนวณ ตรวจสอบ ติดตาม และ ประเมินผลงาน ซึ่งต่างจากเทคโนโลยีเก่าอย่าง RPA ที่จะสามารถทำงานได้แค่บางส่วนเท่านั้น หลายๆส่วนยังต้องใช้มนุษย์เข้ามาทำงานด้วย
2. Multiexperience
https://www.pexels.com/th-th/photo/3761273/
ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่าง VR(Virtual Reality), AR (Augmented Reality) และ MR (Mixed Reality) เทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสมีส่วนร่วมปฏิสัมพันธ์กับโลกดิจิตอลเสมือนนั้น ทาง Gartner ได้วิเคราะห์ว่า ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2028 เทคโนโลยีเหล่านี้จะพัฒนามากขึ้นจนถึงมนุษย์จะสามารถใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆรวมไปถึงวิธีการตอบโต้กับโลกเสมือนนั้นจะมีวิธีหลากหลายมากขึ้น
3. Democratization of Expertise
https://www.pexels.com/th-th/photo/313691/
ในปี 2020 นั้น ทุกคนจะสามารถเข้าถึงความเชี่ยวชาญต่าง ๆได้มากขึ้น เช่น การพัฒนา AI หรือทางด้านการพัฒนาแอพลิเคชัน รวมไปถึง ทักษะการขาย หรือความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจ โดยเข้าถึงได้ง่ายและไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงนัก เนื่องจากจะมีซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนโปรแกรม หรือ มีทักษะสูง ก็สามารถใช้งานได้เหมือนผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้น ๆ
4. Human Augmentation
https://www.pexels.com/th-th/photo/267391/
เทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งบนร่างกายมนุษย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการปลูกถ่ายหรือติดตั้งส่วนประกอบทางด้านเทคโนโลยีไว้บนร่างกาย เช่น อุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ อย่างเช่น Smart Watch ทำให้มนุษย์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นเช่น การติดต่อสื่อสาร รู้ตำแหน่ง หรือวัดอัตราการเต้นของหัวใจของตัวเองได้ ซึ่งจากนี้ไปอีก 10 ปีเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาและขยายขีดความสามารถไปมากขึ้นในการทำงาน
5. Transparency and Traceability
https://www.pexels.com/th-th/photo/black-friday-e-commerce-34577/
ผู้บริโภคจะตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวและมูลค่าของข้อมูลตัวเองมากขึ้น องค์กรต่าง ๆจะเพิ่มการรักษาข้อมูลและการบริหารข้อมูลมากขึ้น รวมไปถึงรัฐบาลจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้และปกป้องความเป็นส่วนตัว
6. The Empowered Edge
https://www.pexels.com/th-th/photo/163073/
โครงสร้างเครือข่ายแบบ Edge Computing ที่จะมีการนำมาใช้งานมากขึ้นแทนแบบเครือข่ายปกติอย่าง Cloud Computing แบบเดิม  ซึ่งเป็นโครงสร้างที่จะให้คอมพิวเตอร์มีการรวบรวมข้อมูลและประมวลผลใกล้กับแหล่งที่มาของข้อมูล เช่น ข้อมูลที่เก็บบนโทรศัพท์ก็จะประมวลผลบนโทรศัพท์แทนที่จะส่งไปให้ Cloud ในการประมวลผล เพื่อลดภาระและความหน่วงที่จะต้องส่งผ่านข้อมูลผ่านเครือข่าย
7. Distributed Cloud
https://www.pexels.com/th-th/photo/1181354/
จะมีการปรับเปลี่ยนจากการรวมศูนย์ของ Cloud ไว้ที่แห่งเดียวกลายเป็นลักษณะแบบกระจาย ไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ได้ง่ายและรวดเร็วมากที่สุด
8. Autonomous Things
https://www.pexels.com/th-th/photo/997131/
อุปกรณ์อัตโนมัติ อย่างเช่น หุ่นยนต์ โดรน หรือ เรือ หรือพาหนะไร้คนขับต่าง ๆ จะครอบคลุมขอบเขตของการทำงานมากกว่าเดิมที่ทำงานได้ตายตัวตามที่โปรแกรมไว้ จะเปลี่ยนเป็นใช้ AI เพื่อทำงานให้สามารถตอบโต้กับคนหรือสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าเดิมและเป็นธรรมชาติมีประสิทธิภาพมากขึ้น
9. Practical Blockchain
https://www.pexels.com/th-th/photo/1097946/
เทคโนโลยีบล็อกเชน จะถูกนำเอามาใช้งานในธุรกิจจริงมากขึ้น โดยจะทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส รวมไปถึงรองรับการแลกเปลี่ยนมูลค่าในการทำธุรกิจ และช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพิ่มความรวดเร็วในการทำธุรกรรม นำเอามาช่วยให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินทรัพย์ ลดโอกาสการซื้อสินค้าปลอม การตรวจสอบติดตามสินค้าปนเปื้อนของอาหาร หรือนำไปใช้งานในการจัดการยืนยันตัวตนผู้ใช้  การทำ Smart Contract ของบล็อกเชน เช่น ระบบโอนเงินแบบอัตโนมัติหลังจากลูกค้าได้รับสินค้า
10. AI Security
https://www.pexels.com/th-th/photo/39584/
การเพิ่มขึ้นของการใช้ AI (Artificial Intelligence) และ ML (Machine Learning) ที่ต้องใช้ข้อมูลระดับมหาศาล ที่ต้องมีการเชื่อมต่อกับการใช้ IoT (Internet Of Things) หรือ Cloud Computing และ Microservices ทำให้เกิดความเสี่ยงในการถูกโจมตีมากขึ้น ทำให้เกิดความท้าทายสำหรับทีมงานฝ่ายไอทีที่ดูแลด้านความปลอดภัยที่จะต้องจัดการดูแลความเสี่ยง ไม่ให้ถูกโจมตี
Wisarut Duangmorakot
ที่มา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *