เป็นที่เข้าใจตรงกันว่าประโยชน์ของ Artificial Intelligence หรือ AI ในโลกธุรกิจนั้นมีมากมาย แต่ AI ยังมาเปลี่ยนวิถีการตัดสินใจของผู้นำในองค์กรอีกด้วย
การเติบโตของ AI นั้นรวดเร็วและมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อบทบาทของผู้นำในองค์กร AIนั้นใช้เทคโนโลยีอย่าง Machine Learning ซึ่งก็คือระบบที่สามารถเรียนรู้ได้จากตัวเองโดยปราศจากการป้อนคำสั่งของโปรแกรมเมอร์ หรือ Advanced Data Analytics ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เทคนิคการสร้างโมเดลขั้นสูง เพื่อทำนายหรือคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือใช้ค้นหารูปแบบบางอย่างที่ทั่วไปแล้วมนุษย์ไม่สามารถระบุได้ Advanced Data Analytics สามารถตอบคำถาม เช่น “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแนวโน้มยังเป็นแบบนี้ต่อไป” หรือ “ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้คืออะไร” ผู้นำองค์กรสามารถใช้โมเดล AI เหล่านี้เพื่อแนะนำถึงสิ่งที่ควรจะทำในหลายๆสถานการณ์ขององค์กร
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีนี้ทำให้เราต้องกลับมาพิจารณาความหมายของคำว่าความเป็นผู้นำในอนาคตกันใหม่
เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น AI ก็สามารถตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น ทำให้ลดทอนบทบาทการตัดสินใจทางธุรกิจที่เป็นกิจวัตร เช่นการสั่งซื่อสินค้า การส่งสินค้า แต่ผู้นำในวันนี้และอนาคตต้องเสริมสร้างทักษะการตัดสินใจที่อาศัย “Human Touch” ซึ่ง AI ทำไม่ได้และในไม่ช้าผลจากการที่องค์กรนำเทคโนโลยี AI เข้ามาอยู่ในกระบวนการทำงาน ทำให้ผู้นำและคนในตลาดงานทั่วโลก ต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ซึ่งเราสรุป 3 ข้อใหญ่ๆมาให้ดังนี้
1. Learning to unlearn
ในยุค AI นี้ เทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจ จะมีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าความรู้ที่เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จะล้าสมัยและหมดประโยชน์อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นผู้นำต้องมีความยืดหยุ่นในการไม่ยึดติดกับสิ่งที่เคยรู้มาและเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้สิ่งที่เคยรู้ด้วยมุมมองใหม่ๆ
2. วางแผนให้ไกลแต่พร้อมปรับเปลี่ยนเสมอ
การมองการณ์ไกลเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญเสมอมาของผู้นำ และจะมีทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีกในยุคของ AI ถึงแม้ผู้นำที่ดีต้องตระหนักว่ากำลังพาทีมหรือองค์กรไปในทิศทางใด แต่ในขณะเดียวกัน Roadmap หรือแผนงานนั้นต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมเปิดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆครั้งและทวีความรุนแรงมากขึ้นในทุกขณะ องค์กรต้องการผู้นำที่มีแนวคิดแบบอไจล์ (Agile) ธุรกิจจะอยู่รอดได้ในวันข้างหน้าไม่ได้แข่งกันที่ความสามารถเท่านั้น แต่เป็นเรื่องความเร็วในการตัดสินใจด้วย
3. พัฒนา Soft Skills เพื่อเบิกทางในยุค AI
เป็นที่สังเกตได้ว่า ในยุคที่เทคโนโลยีเช่น AI กำลังรุ่งโรจน์ และ Automation เช่นหุ่นยนต์จะมาแทนที่งานซ้ำๆที่มนุษย์เคยทำ กลับทำให้ Soft Skills ทั้งหลายถูกขับเน้นให้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น นั้นเพราะ Soft Skills เป็นทักษะที่เทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนกันได้ ในขณะที่ “Hard Skills” นั้นถูกแทนที่โดย AI และหุ่นยนต์
หน้าที่สำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคลนั้น ต้องมองหาผู้จัดการที่สามารถฝึกและถ่ายทอดความรู้ให้พนักงานหน้างานมีความสามารถในการทำงานกับข้อมูลมหาศาลและเน้นการคิดเชิงวิเคราะห์ให้มากขึ้น เพิ่มขีดความในสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของผู้บริหารระดับ C-level นั้น ทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน การคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์จะมีบทบาทที่สำคัญมาก ซึ่งทักษะเหล่านี้จะมีได้ต่อเมื่อผู้บริหารมีทักษะการเข้าใจผู้อื่น หรือ Empathy ซึ่งเป็นความสามารถของผู้นำแต่ละคนในการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นอย่างลึกซึ้งและหยั่งถึง จากมุมมองที่เขาใช้มองสิ่งต่างๆ หรืออาจจะบอกว่าผู้นำในยุค AI ต้องมีความสามารถอ่านความรู้สึกของคนอื่นออก และสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดีในแต่ละสถานการณ์
เราจะเห็นได้ว่าทักษะทั้งสามที่ผู้นำองค์กรควรมีเหล่านี้ ไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ แต่ทักษะเหล่านี้โดยขับให้โดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะวันที่ AI ก้าวเข้ามามีบทบาท เป็นวันที่ผู้บริหารทุกคนต้องปรับตัวเพื่อก้าวผ่านจุดเปลี่ยนนี้มาให้ได้