10 อันดับเทรนด์ทางด้านเทคโนโลยีใน ปี 2019

Digital หมายถึง Digital World เอาระบบต่างๆสามารถนำมาผนวกเข้ากับชีวิตประจำวันได้ ใช้งานได้ในโลกจริง ไม่ได้อยู่แค่ในจอคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว

Intelligent หมายถึง การนำเอา Artificial Intelligent (AI) ที่เอาเข้ามาใช้งานกับทุกระบบ ทุกแพลทฟอร์ม ทุกแอพพลิเคชั่น

Gartner บริษัทผู้นำทางด้านงานวิจัยและทางด้านที่ปรึกษาระดับโลก ได้จัดงาน Gartner Symposium ITxpo ที่เมือง Orlando ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนตุลาคม 2018 ทีผ่านมา

 

https://www.fdbprizm.com/wp-content/uploads/2017/11/gartner.png

ซึ่งภายในงาน Gartner ได้ออกมาแชร์ถึง 10 เทรนด์ทางด้านเทคโนโลยีประจำปี 2019 ซึ่งทั้ง 10 เทรนด์นี้ต่างอยู่บน 3 เทรนด์ใหญ่ๆก็คือ

  1. Intelligent
  2. Digital
  3. Mesh
    https://i.ytimg.com/vi/KJ5FeYXFh3c/hqdefault.jpg

โดย Intelligent หมายถึง การนำเอา Artificial Intelligent (AI) ที่เอาเข้ามาใช้งานกับทุกระบบ ทุกแพลทฟอร์ม ทุกแอพพลิเคชั่น

https://blogs.gartner.com/smarterwithgartner/files/2018/09/PR_499538_Top_10_Technology_Trends_for_2019_Infographic.png

Digital หมายถึง Digital World เอาระบบต่างๆสามารถนำมาผนวกเข้ากับชีวิตประจำวันได้ ใช้งานได้ในโลกจริง ไม่ได้อยู่แค่ในจอคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว

Mesh หมายถึง Connection เป็นระบบที่เชื่อมต่อคน เชื่อมระบบการทำงานต่างๆ แบบใหม่ๆ

 

ซึ่งเทรนด์ทั้ง 10 อย่างได้แก่

https://unsplash.com/

1. Autonomous Things (อุปกรณ์อัจฉริยะ)
นำ AI เข้ามาใช้งานในโดยเอาเข้ามาใช้ทั้งใน Hardware และ Software เช่น รถโดยสารแบบไร้คนขับ โดรน หรือ การขนส่งทางเรือแบบอัติโนมัติ ซึ่งเราจะเห็นโลกที่ใช้งานทางด้าน Autonomous Things ที่เข้ามาใช้งานแทนที่มนุษย์มากขึ้น

https://unsplash.com/

2. Augmented Analytics (เพิ่มความสามารถของทานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล)
คือการไม่ได้เอา AI เข้ามาแทนที่มนุษย์แต่นำ AI เข้ามาเพิ่มพูนศักยภาพให้มนุษย์ ซึ่งทั่วโลกจะมีการทำ data analytics และ business intelligence เช่นในองค์กร มีเซลล์เมเนเจอร์ ต้องการจะทราบว่ามีปัญหาใดบ้างที่ส่งผลต่อยอดขาย ซึ่งระบบนี้จะวิเคราะห์และผสมผสานทุกสมมติฐานที่เป็นไปได้โดยใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ทั้งหมดในบริษัทแบบอัติโนมัติแล้วแสดงผลออกมาเป็น insights ของข้อมูลที่ช่วยเหลือในด้านการตัดสินใจ โดยบุคคลที่ใช้ซอฟต์แวร์นี้เรียกว่า Citizen of data scientist ที่ Gartner ได้ทำนายว่าจะมีมากกว่าปัจจุบันถึง 5 เท่า Citizen of data scientist ต่างจาก Data scientist ที่ Citizen of data scientist ไม่ได้สร้างโมเดลด้วยตัวเอง แต่ใช้ซอฟต์แวร์ที่ Data scientist สร้างไว้แล้ว

https://unsplash.com/

3. AI-Driven Development (ขับเคลื่อนการผลิตด้วย AI)
คือการนำ AI เข้ามาใช้งานในส่วนของการผลิต เช่น นำ AI เข้ามาใช้ในการเขียนโปรแกรมด้วยตัวเอง, ทดสอบ QC หรือแม้กระทั่งสร้าง AI ด้วยตัวเอง

https://pixabay.com/

4. Digital Twin (ฝาแฝดดิจิทัล)
คือการนำข้อมูลบนโลก Digital เข้ามาผสมผสานกับโลกที่เราอยู่ ซึ่งสามารถนำไปใช้กับ ผู้คน เสมือนกับว่ามีตัวเราอยู่ทั้งในโลกดิจิทัลและโลกจริง หรือระบบต่างๆรวมไปถึงอุปกรณ์, โรงงาน, สายการบินต่างๆ โดยอาศัยเซ็นเซอร์จำนวนมากในการแทร็คและเก็บข้อมูล เพื่อนำไปใช้งานในการมอนิเตอร์ หรือการลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น อย่าง Smart City ที่ใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในเมืองมาวิเคราะห์ เช่นใช้ข้อมูลจากกล้องบนท้องถนนเพื่อนำมาวิเคราห์ความหนาแน่นของการจราจรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมไฟเขียวไฟแดงบนท้องถนน ซึ่งทำให้การจราจรสะดวกยิ่งขึ้น

https://unsplash.com/

5. Empowered Edge (เพิ่มความสามารถอุปกรณ์ต้นทาง)
จากยุคก่อนหน้านี้ที่ Cloud Computing เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการลดค่าใช้จ่ายโดย Cloud computing จะเป็นตัวศุนย์กลางทั้งในการวิเคราะห์ข้อมูล รัน AI และจัดเก็บข้อมูล จึงมีปัญหาตามมาคือ ในปัจจุบันมีข้อมูลเยอะขึ้น และแต่ละข้อมูลจะต้องวิ่งผ่าน Cloud ทั้งหมด ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง และประสิทธิภาพการใช้งานที่ไม่ดีเพียงพอ ทำให้บริษัทผู้ผลิตต่างๆเห็นปัญหานี้และได้สร้างตัวอุปกรณ์ Device ที่มีความสามารถในการคำนวณมากขึ้น รวมไปถึงมีการวางชิพ AI ไว้ในบนบอร์ดขนาดเล็กๆ จึงทำให้ device สามารถคำนวณได้เลย ไม่ต้องส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้ cloud คำนวน ทำให้ลดระยะเวลา และประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น

https://unsplash.com/

6. Immersive Experience (ความเป็นจริงเสมือนจริง)
คือระบบที่ทำให้มนุษย์สามารถมีปฎิสัมพันธ์ผ่านโลกดิจิทัลกันได้มากขึ้น เช่น ระบบ Remote assistant ที่ให้ Expert engineer สามารถเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมได้ตลอดเวลา โดยผ่านการทำงานระยะไกล ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น หรืออาจจะเห็นได้ชัดอย่าง Chatbot, Smart speakers หรือ Customer service agents ที่ช่วยเข้ามาจัดชีวิตเราให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

https://unsplash.com/

7. Block chains (บล็อคเชน)
หลายๆคนอาจจะได้ยิน Block chains มานานแล้ว ที่มีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัย และเป็นกลางที่สุด แต่ในปัจจุบันเราอาจจะสามารถพบ Block chains ได้แค่ในสกุลเงินดิจิทัลออลไลน์ได้อย่างบิทคอยน์ ซึ่งจริงๆแล้ว เทคโนโลยีทางด้าน Block chains สามารถพัฒนาต่อไปได้อีกมาก และยังช่วยในการลดการผูกขาดทางด้านธุรกิจ หรือเทคโนโลยีในอนาคต

https://unsplash.com/

8. Smart Spaces (พื้นที่ชาญฉลาด)
คือการนำเทคโนโลยีต่างๆทั้งหลายมารวมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ ทั้งชีวิต การทำงาน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เช่น สถานที่ทำงานที่อยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อ เพื่อส่งเสริมความเป็น Smart city และ Digital Twin

https://unsplash.com/

9. Privacy and Ethics (ความเป็นส่วนตัวและจริยธรรม)
จากในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า AI สามารถทำงานสิ่งต่างๆได้ไม่แพ้มนุษย์หรืออาจจะเหนือกว่ามนุษย์ได้ในบางเรื่อง เนื่องจากมีข้อมูลต่างๆที่ตัวเราเป็นคนสร้างขึ้นมาแล้วนำไปวิเคราะห์เพื่อสร้าง AI ขึ้นมา ดังนั้นเราก็ควรตระหนักถึง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เช่น บริษัททำระบบสำหรับแทร็คการออกกำลังกายแห่งหนึ่งที่ถูกใช้ในทหารในอิรัก แต่กลับปล่อยข้อมูลที่อยู่ของทหารในขณะนั้นบนอินเทอร์เน็ต

https://unsplash.com/

10. Quantum Computing (ควอนตัมคอมพิวเตอร์)
ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีความรวดเร็วมากกว่าคอมพิวเตอร์ถึง 100 ล้านเท่า สามารถถอดรหัสที่คอมพิวเตอร์ธรรมดาใช้เวลา 1,000 ปี ได้ในเวลา 3 นาที ด้วยความเร็วขนาดนี้ จึงมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่มนุษย์ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือคำนวณหาโอกาสใหม่ๆ ทั้งในด้านวัสดุเคมี การเงิน การทหาร หรือด้านความปลอดภัยต่างๆของระบบในปัจจุบัน เป็นต้น

https://unsplash.com/

 

by_——- W.Bank ——-

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *